ลักษณะทางกายวิภาคของไขสันหลังมีความซับซ้อนและมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับสมอง ไขสันหลังและรากประสาทเป็นตัวเชื่อมและประสานการทำงานระหว่างสมองและเส้นประสาทเพื่อรับส่งสัญญาณไปที่อวัยวะต่างๆ ที่สำคัญ เช่น ระบบหัวใจและการไหลเวียนโลหิต ระบบการหายใจ การขับถ่าย และยังรวมไปถึงการควบคุมการเคลื่อนไหวและรับความรู้สึก รอยโรคที่มีผลกระทบต่อการทำงานของไขสันหลังจึงอาจทำให้ผู้ป่วยมีความผิดปกติทางระบบประสาทได้หลายอย่าง เช่น ปวด ชา อ่อนแรง ที่รบกวนการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน ในกรณีที่รอยโรคมีขนาดใหญ่มากพอหรืออยู่ในตำแหน่งที่สำคัญอาจทำให้พิการหรือส่งผลรุนแรงจนมีโอกาสเสียชีวิตได้ เนื้องอกที่สันหลังอาจเป็นเนื้องอกที่เกิดจากเนื้อเยื่อบริเวณนี้เองหรือจากมะเร็งที่ลุกลามแพร่กระจายมาก็ได้ อาจเกิดที่กระดูก เม็ดเลือด ระบบประสาท หรือเนื้อเยื่ออื่นรอบๆ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการแตกต่างกัน โดยทั่วไปเนื้องอกสันหลังที่เกิดจากเนื้อเยื่อบริเวณนี้เอง พบได้น้อยในผู้ป่วยอายุต่ำกว่า 30 ปี และมักเป็นชนิดไม่ร้ายแรง อย่างไรก็ตาม ในระยะแรกอาจแยกได้ยากจากผู้ป่วยที่มีอาการปวดจากโรคทางกระดูกสันหลังทั่วไป ซึ่งมักมีอาการมากขึ้นเมื่อใช้งานผิดท่าหรือใช้งานมากเกินไป โดยเฉพาะเนื้องอกที่ไม่ใช่เนื้อร้ายมักจะมีการโตอย่างช้าๆ อาจอยู่ในตำแหน่งที่ไม่สำคัญนัก ทำให้ผู้ป่วยหลายรายไม่มีอาการผิดปกติใดๆเลย แต่หากผู้ป่วยมีเนื้องอกที่เป็นเนื้อร้าย อยู่ในตำแหน่งที่สำคัญ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดมากขึ้นเรื่อยๆและมีอาการทางระบบประสาทได้หลากหลายในเวลาสั้นๆ นอกจากนี้อาจพบอาการข้างเคียงที่เกิดร่วมได้ด้วย เช่น เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย คลื่นใส้ อาเจียน น้ำหนักลด ทั้งนี้มะเร็งทุกชนิดสามารถลุกลามหรือแพร่กระจายมาที่กระดูกสันหลังได้และมีผลต่อความเสถียรของกระดูกและระบบประสาทได้ ที่พบได้บ่อย คือ มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมไทรอยด์ มะเร็งต่อมลูกหมาก อาการที่ต้องระวังเป็นพิเศษและแนะนำให้พบแพทย์ คือ อาการปวดหลังที่ไม่สัมพันธ์กับการใช้งานผิดท่าหรือใช้งานมากเกินไป อาการเป็นมากขึ้นเรื่อยๆจนรบกวนการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน Continue reading “รู้เท่าทันเนื้องอกหลัง”
Tag Archives: Prasat Neurological Institute
Brachial Plexus Injury
การบาดเจ็บของโครงข่ายเส้นประสาท brachial plexus เป็นการบาดเจ็บที่พบได้บ่อยในประเทศไทย ผู้ป่วยส่วนใหญ่ มักได้รับการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจร และสาเหตุอื่นๆ เช่น การล้ม การตกจากที่สูง หรือการบาดเจ็บจากมีการกระแทกจากวัตถุที่รุนแรงบริเวณคอหรือไหล่ ผู้ป่วยบางราย ได้รับบาดเจ็บจากการมีแผลเปิด ที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บของเส้นประสาท เช่นการถูกแทงด้วยของมีคม หรือการบาดเจ็บจากกระสุนปืน อะไรคือ brachial plexus ? brachial plexus คือโครงข่ายของเส้นประสาท ที่มีจุดกำเนิดมาจากไขสันหลังบริเวณคอ ข้อที่ 5 จนถึงไขสันหลังส่วนอกข้อที่ 1 (C5-T1) เส้นประสาทดังกล่าวจะออกมาจากไขสันหลัง และมารวมกันเป็นโครงข่ายของเส้นประสาทที่ซับซ้อน ที่มีความยาวตั้งแต่กระดูกคอส่วนต้น ส่วนของคอเหนือกระดูกไหปลาร้า ใต้ต่อกระดูกไหปลาร้า และเส้นประสาทที่มาเลี้ยงแขน เส้นประสาทที่มาเลี้ยงแขนทั้งส่วนต้น ส่วนปลาย และมือ ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อ หรือการรับความรู้สึก มีจุดกำเนิดมาจากโครงข่ายประสาทนี้ทั้งสิ้น อาการจะเป็นอย่างไร เมื่อเส้นประสาทได้รับบาดเจ็บ ? Nerves do 3 things: ปวด ชา อ่อนแรง เมื่อมีการบาดเจ็บของโครงข่ายเส้นประสาทเกิดขึ้น ผู้ป่วยแต่ละรายอาจได้รับบาดเจ็บในตำแหน่งและความรุนแรงที่ไม่เท่ากัน ผู้ป่วยบางรายได้รับการบาดเจ็บแค่ส่วนบนของโครงข่ายประสาทContinue reading “Brachial Plexus Injury”
การใช้อุปกรณ์เฝือกพยุงหลัง
งานกายอุปกรณ์ กลุ่มงานเวชศาสตร์ฟื้นฟู สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ โทร. 02-306-9899 ต่อ 3173 เฝือกพยุงหลัง (Lumbosacral support) เป็นอุปกรณ์ช่วยเหลือที่ใช้คาดบริเวณบั้นเอวโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมอาการปวดหลังและเตือนให้จำกัดการเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลังระดับบั้นเอว (บริเวณหลังส่วนล่าง) หลักการทำงาน เพื่อช่วยในการกระชับกล้ามเนื้อด้านหน้าและด้านข้าง (Anterior and Lateral trunk containment) โดยเป็นการเพิ่มแรงดันในช่องท้องและส่งผลต่อการลดแรงกดทับที่กระทำต่อหมอนรองกระดูกและกระดูกสันหลังระดับบั้นเอวส่วนล่าง (Lumbosacral spine)และช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อหลังส่วนเอว วิธีการใส่อุปกรณ์ 1. ผู้ป่วยพลิกตะแคงตัวไปด้านใดด้านหนึ่ง โดยพลิกให้ไหล่และสะโพกไปพร้อมกัน และอาจงอเข่าเพื่อให้ง่ายต่อการพลิกตัว 2. นำอุปกรณ์พยุงหลังเข้าไปวางด้านหลังลำตัวผู้ป่วยโดยให้ขอบล่างของอุปกรณ์อยู่บริเวณก้นกบ และแนวแกนโลหะอยู่ขนาบข้างแนวกระดูกสันหลัง และสอดปลายอุปกรณ์ไว้ข้างลำตัว 3. พลิกตะแคงตัวมาด้านตรงข้าม ดึงปลายและจัดอุปกรณ์พยุงหลังให้อยู่ในตำแหน่งเหมาะสม 4. พลิกตัวกลับมาในท่านอนหงาย แขม่วท้องแล้วติดแถบรัดของอุปกรณ์ทางด้านหน้าให้กระชับ วิธีการถอดอุปกรณ์ 1. ผู้ป่วยอยู่ในท่านอนหงาย ดึงแถบรัดของอุปกรณ์พยุงหลังออกจากกัน 2. ผู้ป่วยพลิกตะแคงตัวไปด้านใดด้านหนึ่ง โดยพลิกให้ไหล่และสะโพกไปพร้อมกัน นำอุปกรณ์พยุงหลังออกจากตัวผู้ป่วย ข้อแนะนำการใช้ 1. แผ่นโลหะตามด้านหลัง ควรได้รับการดัดให้เข้ากับแนวความโค้งของกระดูกสันหลัง 2. ควรดึงสายรัดให้แน่นกระชับพอดี ไม่หลวมหรือแน่นจนเกินไปเพราะจะไม่ได้ประสิทธิภาพ 3. ควรใส่เฉพาะเวลาลุกนั่งContinue reading “การใช้อุปกรณ์เฝือกพยุงหลัง”
กลุ่มอาการเส้นประสาทข้อมือถูกกดทับ (Carpal Tunnel Syndrome)
ลักษณะทางกายวิภาคของข้อมือจะมีเส้นประสาทมีเดียน (Median nerve) วางตัวคู่กับเอ็นนิ้วมือซึ่งมีปลอกน้ำหุ้มรอบเอ็น ทั้งเส้นประสาทและเอ็นนี้จะลอดผ่านช่องเพื่อเข้าสู่อุ้งฝ่ามือ เรียกช่องนี้ว่า carpal tunnel ช่องนี้เกิดจากกระดูกและแผ่นเนื้อเยื่อบางๆแต่มีความแข็งแรงที่ขึงระหว่างกระดูกข้อมือ (ดังรูปที่ 1) เมื่อแผ่นเนื้อเยื่อนี้หนาขึ้นจนทำให้ช่องลอดแคบลงหรือเมื่อโครงสร้างในช่องลอดขยายขึ้นจะเกิดแรงดันภายในช่องนี้มากขึ้นจนมีการกดเบียดเส้นประสาทและเส้นเลือดที่มาเลี้ยงเส้นประสาท ทำให้เกิดกลุ่มอาการของเส้นประสาทข้อมือถูกกดทับ หากไม่ได้รับการรักษาจะทำให้รบกวนชีวิตประจำวัน และหากยังปล่อยไว้เป็นเวลานานอาจทำให้เส้นประสาทเสียหายถาวรได้ รูปที่ 1 แสดงภาพโครงสร้างและกายวิภาคของข้อมือ สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง เป็นโรคที่พบได้บ่อยในวัยกลางคน โดยทั่วไปมักพบว่าเพศหญิงเป็นโรคนี้ได้มากกว่าเพศชาย 3 เท่า นอกจากนี้ยังพบได้ในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวหรือเหตุอื่นๆที่ทำให้ช่องลอดนี้แคบลงหรือทำให้โครงสร้างในช่องลอดขยายขึ้นจนเกิดแรงดันภายในช่องมากขึ้น เช่น ระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง (ภาวะไทรอยด์ต่ำ วัยหมดระดู การใช้ยาคุมกำเนิด) รูมาตอยด์ เบาหวาน ภาวะอ้วนมากๆ การบาดเจ็บของข้อมือและมีกระดูกงอก การสูบบุหรี่จัด (ทำให้การไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงเส้นประสาทบริเวณฝ่ามือลดลง) อาจพบได้มากขึ้นในหญิงตั้งครรภ์ช่วงที่เนื้อเยื่อมีการบวมขึ้น ซึ่งอาการจะหายไปหลังคลอด มักพบร่วมกับโรคนิ้วล็อค (Trigger finger) เนื่องจากเป็นภาวะที่เกิดจากพฤติกรรมเสี่ยงลักษณะเดียวกัน จากการวิจัยทั้งในและต่างประเทศพบว่า ผู้ที่มีความเสี่ยงคือผู้ใช้งานข้อมือเป็นจุดหมุนในท่าเดิมๆซ้ำๆเป็นเวลานาน เช่น กวาดบ้าน รีดผ้า เย็บผ้า ซักผ้า บิดผ้า ทำครัวหรือหิ้วถุงในท่างอข้อมือ จับพวงมาลัยขณะขับรถ การสั่นกระแทกจากด้ามจับของเครื่องมือทำงานก่อสร้าง เป็นต้น ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับการทำงาน การเล่นเกมหรือใช้สื่อในคอมพิวเตอร์และในโทรศัพท์ โดยไม่ได้ใส่ใจสุขภาพทำให้ข้อมืออยู่ในท่างอหรือเหยียดมากเกินขอบเขตปกติซ้ำกันเป็นเวลานานContinue reading “กลุ่มอาการเส้นประสาทข้อมือถูกกดทับ (Carpal Tunnel Syndrome)”
การผ่าตัดเพื่อรักษาหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน (Herniated Disc Procedure)
สาเหตุของอาการปวดหลังบริเวณเอวส่วนล่าง การป้องกันอาการปวดตั้งแต่ยังอายุไม่มาก หมอนรองกระดูกเคลื่อนกดทับเส้นประสาท (Herniated disc) หมอนรองกระดูกสันหลัง (รูปที่ 1) ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ เนื้อเยื่อแกนกลางทำหน้าที่รับน้ำหนักและกระจายแรงกดไปสู่เนื้อเยื่อรอบๆ และส่วนเปลือกหุ้มชั้นนอกเป็นส่วนที่หนาและแข็งแรง เมื่อหมอนรองกระดูกเสื่อมจะทำให้เนื้อเยื่อแกนกลางเริ่มฉีกขาด และเกิดการอักเสบ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดเฉียบพลัน และเมื่อการฉีกขาดรุนแรงถึงส่วนเปลือกหุ้มจะปวดมากขึ้นจนอาจปวดเรื้อรัง (รูปที่ 2) ในรายที่เปลือกหุ้มมีการฉีกขาดมากๆ จะมีส่วนเนื้อเยื่อแกนกลางเริ่มปูดยื่น เกิดการรบกวน รากประสาทหรือเส้นประสาทที่วิ่งไปเลี้ยงขา หากส่วนนี้เคลื่อนออกมามากขึ้น (รูปที่ 3 และรูปที่ 4) จะกดทับรากประสาทได้ ทำให้ผู้ป่วยอาจปวดตั้งแต่บริเวณเอว สะโพก ต้นขา น่อง ไปถึงบริเวณเท้าและนิ้วเท้า หากรากประสาทถูกกดทับหรืออักเสบนานๆอาจมีอาการชาขาหรืออ่อนแรงกล้ามเนื้อขามัดที่เลี้ยงด้วยรากประสาทที่ถูกกดทับนั้น สาเหตุของหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนกดทับรากประสาท เกิดจากการยกของหนักเกินกำลังและ/หรือยกผิดท่าบ่อยๆ น้ำหนักตัวมากเกินไป นั่งทำงานด้วยอิริยาบถที่ไม่ถูกต้องนานๆ อุบัติเหตุและการบาดเจ็บต่อกระดูกสันหลัง การวินิจฉัย ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหลังบริเวณเอวส่วนล่าง อาจมีปวดร้าว ไปสะโพกหรือขา มักปวดมากขึ้นในท่านั่งหรืองอตัวไปทางด้านหน้า ซึ่งเป็นท่าที่หมอนรองกระดูกได้รับ แรงกดทับมากที่สุด อาการมักดีขึ้นในท่านอน โดยทั่วไปไม่มีความจำเป็นต้องส่งตรวจเพิ่มเติม เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มีอาการปวดหลังจะดีขึ้นใน 2Continue reading “การผ่าตัดเพื่อรักษาหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน (Herniated Disc Procedure)”
เนื้องอกสมอง วินิจฉัยทันรักษาได้
เนื้องอกในสมอง เป็นโรคที่พบได้ในคนทุกเพศทุกวัย ส่วนใหญ่เกิดขึ้นเอง แต่บางรายพบความผิดปกติจากพันธุกรรม โดยพบเนื้องอกที่เป็นเนื้อธรรมดาได้บ่อยกว่าเนื้องอกที่เป็นเซลล์มะเร็ง ซึ่ง นพ.ภาสกร ชัยวานิชศิริ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า เนื้องอกในสมอง คือ เนื้อที่เกิดจากการเจริญเติบโตอย่างผิดปกติของเซลล์ในสมองหรือบริเวณเนื้อเยื่อและต่อมต่างๆ บริเวณใกล้เคียงกับสมอง ไปรบกวนระบบประสาทและการทำงานของสมอง ทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน มีปัญหาด้านพฤติกรรม บุคลิกภาพ การพูด การได้ยิน การมองเห็น ความจำ และอาจเกิดอาการชัก เป็นอัมพาตครึ่งซีก ซึ่งเนื้องอกในสมองมี 4 ระดับ โดยวัดตามลำดับการเจริญเติบโตของเนื้องอก และโอกาสในการกลับมาเป็นอีกแม้ได้รับการรักษาแล้ว แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ 1.เนื้องอกที่ เป็นเนื้อธรรมดา เป็นเนื้องอกที่มีการเจริญเติบโตช้า ไม่ใช่เซลล์มะเร็ง สามารถรักษาให้หายหรือมีขนาดเล็กลงได้ และมีโอกาสน้อยที่ผู้ป่วยจะกลับมาเป็นอีกหลังการรักษา 2.เนื้องอกที่เป็นเนื้อร้าย เป็นเนื้องอกอันตราย มีการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติ คือ เซลล์มะเร็ง อาจเกิดบริเวณสมอง หรือเกิดขึ้นที่อวัยวะอื่นแล้วลามเข้าสู่สมอง เนื้องอกที่เป็นเซลล์มะเร็งจะมีการเจริญเติบโตเรื่อยๆ ไม่สามารถควบคุมได้ และมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นได้อีก นพ.เอกพจน์ จิตพันธ์Continue reading “เนื้องอกสมอง วินิจฉัยทันรักษาได้”
การผ่าตัดใส่สกรูยึดกระดูกสันหลังแบบเปิดแผลเล็ก (Minimally Invasive Spinal Fixation)
โรคที่จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดใส่สกรูยึดกระดูกสันหลัง ส่วนใหญ่ได้แก่โรคกระดูกสันหลังเคลื่อน (Spondylolisthesis) กระดูกสันหลังคด (Scoliosis) หรืออุบัติเหตุกระดูกสันหลังแตกหรือยุบ โดยโรคที่พบบ่อยที่สุดคือ โรคกระดูกสันหลังเคลื่อนที่ระดับเอว เป็นโรคที่มีการเลื่อนไถลของกระดูกสันหลังชิ้นบน เลื่อนในแนวระนาบ บนกระดูกสันหลังชิ้นล่าง (รูปที่ ๑) ทำให้กระดูกสันหลังชิ้นบนกดเบียดเส้นประสาท ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการปวดหลังร้าวลงต้นขา น่องหรือเท้า ตามการทำงานของ เส้นประสาทเส้นนั้น บางรายอาจปวดมากจนเดินไม่ได้หรือไม่สามารถขับถ่ายได้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มาพบแพทย์มักจะมีอาการปวดหลังมากกว่าอาการปวดร้าวลงขาหรือน่อง นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยบางส่วนที่ไม่ได้มีอาการจากเส้นประสาทถูกกดเบียด แต่มีอาการจากภาวะช่องโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ โดยจะมีอาการชาที่ต้นขา น่อง หรือเท้า หรือรู้สึกขาอ่อนกำลัง ผู้ป่วยจะมีอาการในขณะที่ยืนนานๆ หรือเดินสักพักจะก้าวขาไม่ออก แต่เมื่อนั่งพักไม่กี่นาทีก็ดีขึ้นและเดินต่อได้ โรคกระดูกสันหลังเคลื่อนสามารถรักษาได้โดยการผ่าตัดใส่โลหะ หรือสกรูยึดตรึงกระดูกสันหลัง การผ่าตัดมาตรฐานที่ใช้ดั้งเดิมเป็นการผ่าตัดเปิดแผลยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร (รูปที่ ๒) ในแนวกลางหลังระดับเอว ขณะผ่าตัดต้องเลาะถ่างกล้ามเนื้อออกจากแนวกลางข้างละประมาณ 5-6 เซนติเมตร เพื่อที่จะสามารถใส่สกรูได้ในตำแหน่งที่ต้องการ จากนั้นจึงทำการตัดกระดูกที่กดเส้นประสาทออก จะเห็นได้ว่าการผ่าตัดดังกล่าว กล้ามเนื้อหลังจะได้รับความบอบช้ำจากการผ่าตัดเป็นอย่างมาก เสียเลือดจากการผ่าตัดจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการปวดแผลผ่าตัดมาก ใช้เวลาในการพักฟื้นหลายวันหรืออาจเป็นสัปดาห์ จึงจะสามารถลุกยืนหรือเดินได้ และอาจมีภาวะแทรกซ้อนมากกว่า เช่น แผลติดเชื้อ ซีดจากการเสียเลือดมาก การเสื่อมของกระดูกข้อถัดไป เป็นต้น ในปัจจุบัน การผ่าตัดกระดูกสันหลังเจริญก้าวหน้าเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการผ่าตัดหมอนรองกระดูกสันหลัง ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเปิดแผลผ่าตัดใหญ่เหมือนในอดีต สามารถเปิดแผลเล็กแล้วผ่าตัดผ่านกล้องจุลทรรศน์ (Microscope) เพื่อตัดเอาชิ้นส่วนของหมอนรองกระดูกที่กดทับเส้นประสาทออก หรือผ่าตัดใส่สกรูยึดกระดูกสันหลังแบบเปิดแผลเล็ก อาการของผู้ป่วยก็หายได้โดยที่ผลการรักษาไม่แตกต่างกับวิธีผ่าตัดเปิดแผลใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวหลังการผ่าตัดได้เร็วขึ้นมาก และเจ็บแผลผ่าตัดเพียงเล็กน้อย ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถลุกเดินได้ในวันรุ่งขึ้นหลังการผ่าตัด แต่วิธีนี้ศัลยแพทย์ต้องมีความชำนาญในการผ่าตัดใส่สกรูยึดกระดูกสันหลังแบบดั้งเดิมร่วมกับสามารถผ่าตัดผ่านกล้องจุลทรรศน์ได้ วิธีการที่แตกต่างกันคือ แพทย์จะลงแผลผ่าตัดที่หลังห่างแนวกลางไปทางด้านข้างทั้ง 2 ข้าง แผลยาวประมาณ 2.5-3 เซนติเมตร (รูปที่ ๓) แผลลงในตำแหน่งที่จะใส่สกรู จากนั้นจะถ่างกล้ามเนื้อหลังออกเพียง 2.5 เซนติเมตร ด้วยเครื่องมือพิเศษ เพื่อที่จะทำการใส่สกรู (รูปที่ ๔) โดยใช้ภาพถ่ายเอ็กซเรย์ (X-ray) ช่วยในการบอกตำแหน่งและทิศทางในการผ่าตัดใส่สกรู (รูปที่ ๕) หลังจากการใส่สกรูยึดกระดูกสันหลังแล้วแพทย์จะทำการตัดส่วนของกระดูกและหมอนรองกระดูกสันหลังที่กดทับเส้นประสาท ด้วยการผ่าตัดมองผ่านกล้องจุลทรรศน์ (Microscope) เมื่อเทียบขนาดของความยาวแผล และขนาดของกล้ามเนื้อที่ต้องเลาะถ่างออก จะเห็นได้ว่าการผ่าตัดวิธีเปิดแผลเล็กเพื่อใส่สกรู กล้ามเนื้อได้รับความบอบช้ำจากการผ่าตัดน้อยมาก จึงทำให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บแผลผ่าตัดน้อย ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวหลังการผ่าตัดได้เร็วขึ้นมาก ผู้ป่วยเกือบทุกรายสามารถลุกขึ้นยืนหรือเดินได้ในวันรุ่งขึ้นหลังการผ่าตัด และสามารถกลับออกจากโรงพยาบาลได้ในเวลาภายใน 2-3 วันหลังการผ่าตัด กล่าวโดยสรุป ข้อดีของการผ่าตัดใส่สกรูแบบแผลเล็ก ข้อจำกัดของการผ่าตัดใส่สกรูแบบแผลเล็ก
การผ่าตัดหมอนรองกระดูกคอกดทับเส้นประสาทหรือไขสันหลัง โดยการผ่าตัดทางด้านหน้าและเชื่อมข้อ (Anterior Cervical Diskectomy and Fusion; ACDF)
การผ่าตัดเพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีอาการปวดคอร้าวลงแขนหรืออ่อนแรงแขนขา จากการที่หมอนรองกระดูกสันหลังส่วนคอกดทับเส้นประสาทหรือไขสันหลังมีอยู่หลายวิธี โดยหนึ่งในวิธีมาตรฐานที่ให้ผลการรักษาดี คือการผ่าตัดเอาหมอนรองกระดูกส่วนคอที่มีการเสื่อมมากหรือแตกออกไปจากทางด้านหน้า (Anterior cervical diskectomy) และเชื่อมข้อที่มีปัญหานั้น(Fusion) เพื่อไม่ให้มีการเคลื่อนไหวจนเกิดปัญหาซ้ำอีก เรียกการผ่าตัดนี้ว่า ACDF การวินิจฉัยโรคหมอนรองกระดูกสันหลังส่วนคอกดทับรากประสาท (ภาพที่ 3 ด้านซ้าย) หรือไขสันหลัง (ภาพที่ 3ด้านขวา) อาศัยการตรวจร่างกายที่แม่นยำ และการใช้ภาพรังสี (การถ่ายภาพรังสีเอ็กซ์และ/หรือ MRI) มาประกอบกัน โดยต้องแยกจากโรคที่พบบ่อยกว่าและมักถูกวินิจฉัยสับสนกันอยู่เสมอ เช่น โรคกล้ามเนื้อตึงหรืออักเสบเรื้อรังบริเวณสะบักหรือกล้ามเนื้อคอและบ่า (Myofascial pain syndrome) ซึ่งมีอาการปวดคอร้าวลงแขน แขนชา คล้ายกันได้ โรคพังผืดรัดเส้นประสาทที่ข้อมือทำให้มือชา (Carpal Tunnel Syndrome) รวมถึงเอ็นไหล่อักเสบที่ทำให้ปวดไหล่ร้าวลงแขนและอ่อนแรงได้ เป็นต้น ในรายที่มีความเสื่อมของกระดูกคอมากๆอาจเห็นกระดูกคอรูปร่างผิดปกติ หรือมีช่องหมอนรองกระดูกแคบ (ภาพที่ 2) ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ประสาทศัลยแพทย์จะต้องตรวจผู้ป่วยอย่างละเอียดและแยกโรคต่างๆเหล่านี้ออกไป ก่อนการตัดสินใจผ่าตัดที่กระดูกสันหลังส่วนคอ เพื่อให้การผ่าตัดประสบผลสำเร็จ การรักษา ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหมอนรองกระดูกสันหลังส่วนคอกดทับเส้นประสาท (cervical spondylotic radiculopathy, CSR) หากไม่ประสบความสำเร็จจากการรักษาแบบไม่ผ่าตัดทุกวิธีแล้ว (การใช้ยา ปรับพฤติกรรม และการกายภาพ) เป็นเวลามากกว่า 6-8 สัปดาห์ ถือว่ามีข้อบ่งชี้ในการผ่าตัด ซึ่งหากการวินิจฉัยถูกต้องและเลือกวิธีการผ่าตัดเหมาะสม โอกาสประสบความสำเร็จจากการผ่าตัด ACDF มีสูงมาก โดยเฉพาะการลดปวดแขน (90%) และปวดคอ (70-80%) อย่างไรก็ตาม อาการอ่อนแรงและอาการชาต้องใช้เวลาให้ร่างกายค่อยๆฟื้นตัวร่วมกับการกินยาและกายภาพหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือนหลังผ่าตัด และในผู้ป่วยบางรายที่รากประสาทถูกกดรุนแรงจนมีการเสียหายถาวรตั้งแต่ก่อนผ่าตัดแล้ว อาจได้ผลลดปวดไม่ดีอย่างที่ควรจะได้รับ สำหรับผู้ป่วยโรคหมอนรองกระดูกสันหลังส่วนคอกดทับไขสันหลัง (cervical spondylotic myelopathy, CSM) อาจมีอาการอื่นนอกจากปวดคอร้าวลงแขนหรือชาแขนได้ ในผู้ป่วยรายที่รู้สึกอ่อนแรงไม่มาก อาจมีปัญหาเสียการทรงตัวและเดินลำบาก หยิบจับของไม่ถนัดหรือกำของได้ไม่แน่น การขับถ่ายผิดปกติโดยมักมีการกลั้นอุจจาระปัสสาวะไว้ไม่อยู่ ในกรณีที่ถูกกดทับมากๆมักมีอาการแขนขาอ่อนแรง ซึ่งถ้าปล่อยไว้นานๆอาจมีกล้ามเนื้อฝ่อได้ โดยทั่วไปจึงมักแนะนำให้ผ่าตัด หรือใช้เวลารักษาแบบไม่ผ่าตัดในระยะสั้นเท่านั้น หากไม่มีข้อจำกัดทางสุขภาพด้านอื่นๆ การผ่าตัด ACDF ทำโดยการเอาหมอนรองกระดูกที่เป็นปัญหาออก เพื่อแก้ไขการกดทับ หลังจากนั้นประสาทศัลยแพทย์จะเสริมช่องว่างที่เกิดขึ้นโดยใช้ชิ้นกระดูกที่ได้มาจากการตัดกระดูกบริเวณเชิงกรานของผู้ป่วย หรือใช้วัสดุค้ำแทนที่หมอนรองกระดูก เพื่อเชื่อมกระดูกชิ้นบนและล่างให้กลายเป็นกระดูกชิ้นเดียวกันในที่สุด ในกรณีที่มีปัญหาหลายระดับและจำเป็นต้องผ่าตัดมากกว่า 1-2 ช่อง จะมีการยึดบริเวณด้านหน้ากระดูกสันหลังด้วยแผ่นโลหะและสกรู (Cervical plate and screw) เพื่อป้องกันไม่ให้วัสดุที่ใส่ไว้แต่ละช่องเกิดการเลื่อนหลุดออกมาหลังการผ่าตัดวัสดุที่ใส่ไว้ในแต่ละระดับนั้นจะใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 2-3 เดือนเพื่อเชื่อมต่อเป็นข้อเดียวกันหลังการผ่าตัด ซึ่งเมื่อกระดูกเชื่อมต่อกันสนิทแล้วจึงจะถือว่าการผ่าตัดครั้งนี้หายอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากการตัดชิ้นกระดูกจากเชิงกราน (IliacContinue reading “การผ่าตัดหมอนรองกระดูกคอกดทับเส้นประสาทหรือไขสันหลัง โดยการผ่าตัดทางด้านหน้าและเชื่อมข้อ (Anterior Cervical Diskectomy and Fusion; ACDF)”